jim.jpg
UFABET PRESENT :เปิดพื้นที่ชุมชน “ช่างโบราณ"...งานหัตถศิลป์ที่รอวันสืบสาน

ในซอกหลืบของอาคารสูงเสียดฟ้ากึ่งกลางมหานคร จ.กรุงเทพฯ ได้แอบซ่อนช่างฝีมือโบราณไว้กับหน้าประวัติศาสตร์ของชุมชนดั้งเดิมเยอะมาก นายช่างบางบุคคลตกทอดงานหัตถศิลป์มาตั้งแต่ครั้งย้ายถิ่นจากจีนแผ่นดินใหญ่ บางชุมชนเป็นหมู่บ้านช่างโบราณที่มีการถ่ายทอดความคิดมาตั้งแต่ยุคย้ายกรุงสู่รัตนโกสินทร์ เวลาที่งานหัตถกรรมบางจำพวกจำต้องใช้ความเพียรพยายามจากทุกฝ่ายสำหรับการพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ ภายหลังที่เคยหายไปกับระยะเวลา แม้กระนั้นก็โชคร้ายที่งานช่างอีกหลายกิ่งก้านสาขาจะต้องเหลือไว้เพียงแค่ป้ายที่ความจำ ที่ตอกย้ำซ้ำเติมถึงการจะต้องรีบปรับพฤติกรรมในกลุ่มช่างขนานใหญ่ เพื่อความประณีตและวิจิตรบรรจงสามารถอยู่ร่วมกับช่วงและก็ไลฟ์สไตล์ที่แปรไปก่อนที่จะหัตถศิลป์จากช่างโบราณจะแปลงเป็นเพียงแค่งานสะสมในตู้โชว์


จากนายห้างจิมฯ สู่ยุคทองของผ้าไหมบ้านครัว
jim2.jpg

คุณนิพนธ์ มนูทัศน์ ผู้สืบต่อธุรกิจร้านค้า “ผ้าไหมบ้านห้องครัว" บรรยายถึงสมัยรุ่งโรจน์ที่นำไปสู่อุตสาหกรรมทอผ้าขนาด300 กี่ขึ้นที่จุดศูนย์กลางกรุง แล้วก็แม้ว่าจะมีสมัยที่ผ้าไหมซบเซาแม้กระนั้นถือได้ว่าเป็นโชคดีของชุมชนบ้านห้องครัวที่ยังมีผู้สืบทอดเหมือนกันกับกิจการค้าย้อมเส้นไหมที่ยังคงมีให้ได้มองเห็น จะต่างกับอดีตกาลก็ตรงที่ละลานตากเส้นไหมหลากสีสันนั้นได้ย้ายจากขอบลำคลองมาเป็นชั้นสองของบ้านไม้ข้างหลังเล็กๆในร้านค้า “บ้านห้องครัวไหมไทย" โดยคุณจิตความสนุกสนาน ufabet เครื่องเบญจรงค์จินดา" หรือ “คุณลุงอู๊ด" ผู้ซึ่งได้เข้ามาฝึกย้อมเส้นไหมในชุมชนบ้านห้องครัวตั้งแต่วัยเพียงแค่ 13


คุณลุงอู๊ดเป็นอีกผู้ที่ก้าวผ่านจากสมัยก้าวหน้าที่ทุกครอบครัวเคยครึกโครมด้วยแนวทางการทำผ้าไหมที่แบ่งไปตามความชำนิชำนาญ สู่เดี๋ยวนี้ที่กลับเหลือเพียงแค่บ้านคุณลุงอู๊ดที่ยังคงมีการย้อมเส้นไหม เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผ้าไหมบ้านห้องครัวยังคงหลงเหลือมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ก็ด้วยการที่ภาครัฐนำโครงงานปรับปรุงสินค้าโอท็อปเข้ามาผูกจับกับช่างฝีมือที่ใกล้หาย แล้วก็โน่นก็เลยทำให้ประวัติศาสตร์อันนานของผ้าไหมบ้านห้องครัวถูกเอาขึ้นมาเป็นจุดขาย แม้กระนั้นเหนือสิ่งอื่นใดเป็นความมั่นใจในฐานะที่ผ้าไหมบ้านห้องครัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังจิม ทอมป์สัน

craft2.jpg


พลิกฟื้นช่างบาตรด้วยการท่องเที่ยว

อีกชุมชนที่งานหัตถศิลป์โบราณได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ ภายหลังที่ช่างในชุมชนต่างก็ยอมแพ้ทิ้งวัสดุเลิกทำมานานมากหมายถึง“บ้านบาตร" ชุมชนช่างทำบาตรพระด้วยมือที่ยังเหลืออยู่ที่เดียวในไทย โดยชุมชนบ้านบาตรที่นี้เป็นเยี่ยมในชุมชนช่างที่เคลื่อนย้ายมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก จนถึงมาสู่สมัยรัตนโกสินทร์ ที่บ้านทุกข้างหลังในชุมชนก็ยังคงสม่ำเสมอจากเสียงการตีเหล็กขึ้นรูปให้เป็นบาตร


จนถึงมาถึง พุทธศักราช2514 การเปลี่ยนแปลงได้มาสู่บ้านบาตรพร้อมทั้งการเปิดโรงงานหล่อบาตรสแตนเลสราคาไม่กี่ร้อยบาท ในขณะบาตรเหล็กจากบ้านบาตรกลับราคาแพงสูงมากขึ้นไปแตะต้องหลักพันปลาย ยิ่งความชื่นชอบสำหรับเพื่อการบวชนาคมีการเปลี่ยนแปลงจากนานเป็นเดือนๆไปเป็น 3 วัน 7 วัน บาตรเหล็กที่แข็งแรงใช้ได้ชั่วลูกชั่วหลานก็เลยไม่มีความสำคัญอีกต่อไป ในที่สุดกรุ๊ปลูกค้าหลักของบ้านบาตรก็เลยเหลือเพียงแค่พระสายป่าผู้เคร่งเครัดในพระธรรมวินัย ที่ยังคงใช้บาตรเหล็กที่มีรอยต่อของแผ่นเหล็กเหมือนตะเข็บผ้าจีวรอันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านบาตรเพียงแค่นั้น


คุณหิรัญ เสือศรีเสริม ประธานชุมชนบ้านบาตรบรรยายถึงการกลับรู้สึกตัวงานหัตถศิลป์ที่จำเป็นต้องหยุดชะงักไปร่วม 30 ปีของช่างทำบาตรว่าจำเป็นต้องขอชูความดีเลิศให้กับคุณกล้าหาญชาญชัย วามะศรี ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งเริ่มแลเห็นหนทางการตลาดใหม่ ที่มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่กรุ๊ปพระแบบแต่ก่อน ตรงกันข้ามคุณกล้าหาญชาญชัยได้ดูไกลไปถึงกรุ๊ปนักสะสมและก็นักเดินทางผู้ชื่นชมกรุงเก่า พร้อมนั้นก็อุตสาหะดึงค่างานช่างฝีมือเพียงอย่างเดียวในไทยให้มีชื่อเสียงของทั่วทั้งโลก


อีกชุมชนที่งานหัตถศิลป์โบราณได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ ภายหลังที่ช่างในชุมชนต่างก็ยอมแพ้ทิ้งอุปกรณ์เลิกทำมานานมากหมายถึง“บ้านบาตร" ชุมชนช่างทำบาตรพระด้วยมือที่ยังเหลืออยู่ที่เดียวในไทย โดยชุมชนบ้านบาตรที่นี้เป็นเยี่ยมในชุมชนช่างที่เคลื่อนย้ายมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก จนถึงมาสู่สมัยรัตนโกสินทร์ ที่บ้านทุกข้างหลังในชุมชนก็ยังคงสม่ำเสมอจากเสียงการตีเหล็กขึ้นรูปให้เป็นบาตร


จนถึงมาถึง พุทธศักราช2514 การเปลี่ยนแปลงได้มาสู่บ้านบาตรพร้อมด้วยการเปิดโรงงานหล่อบาตรสแตนเลสราคาไม่กี่ร้อยบาท ในตอนที่บาตรเหล็กจากบ้านบาตรกลับราคาแพงสูงมากขึ้นไปแตะต้องหลักพันปลาย ยิ่งความชื่นชอบสำหรับเพื่อการบวชนาคมีการแปลงจากนานนับเดือนไปเป็น 3 วัน 7 วัน บาตรเหล็กที่แข็งแรงใช้ได้ชั่วลูกชั่วหลานก็เลยไม่มีความสำคัญอีกต่อไป ในที่สุดกรุ๊ปลูกค้าหลักของบ้านบาตรก็เลยเหลือเพียงแค่พระสายป่าผู้เคร่งเครัดในพระธรรมวินัย ที่ยังคงใช้บาตรเหล็กที่มีรอยต่อของแผ่นเหล็กเหมือนตะเข็บผ้าจีวรอันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านบาตรแค่นั้น


คุณหิรัญ เสือศรีเสริม ประธานชุมชนบ้านบาตรบอกกล่าวถึงการเปลี่ยนรู้สึกตัวงานหัตถศิลป์ที่จำต้องหยุดชะงักไปร่วม 30 ปีของช่างทำบาตรว่าจำต้องขอชูความดีเลิศให้กับ คุณอาจหาญ วามะศรี ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งเริ่มแลเห็นหนทางการตลาดใหม่ ที่มิได้จำกัดอยู่เพียงแค่กรุ๊ปพระภิกษุแบบคราวก่อน ตรงกันข้ามคุณกล้าหาญชาญชัยได้มองดูไกลไปถึงกรุ๊ปนักสะสมและก็นักเดินทางผู้ชื่นชมกรุงเก่า พร้อมนั้นก็มานะดึงค่างานช่างฝีมือเพียงอย่างเดียวในไทยให้มีชื่อเสียงของทั้งโลก


“ขณะนั้นท่านกล้าหาญชาญชัยเริ่มมีการชูเอาวิธีทำบาตรมาให้นักเดินทางได้มองเห็นกันที่ข้างถนน ตรงทางแยกที่เผาศพปูน มีการออกสื่อ ออกทีวี ของไทยและก็ต่างแดน พอนักท่องเที่ยวเริ่มรู้จักว่าบาตรของบ้านบาตรไม่เหมือนกับบาตรปั๊มในโรงงานอย่างไรเขาก็เริ่มพึงพอใจ ถามหา ยิ่งทราบว่าเป็นงานหัตถกรรมของแท้ที่ตกทอดมาเป็นร้อยปีก็เริ่มมีคนอยากได้ แม้กระนั้นปัญหาถัดมาเป็น เขาไม่เคยทราบจะเอาบาตรใบใหญ่ เก้านิ้ว สิบนิ้วไปเพราะอะไร มันก็เปลี่ยนเป็นว่าพวกเราเองนี่แหละตัวช่างเองที่จำเป็นต้องเริ่มเปลี่ยนแปลง วางแบบบาตรให้มีหลายหมวด ทั้งยังบาตรใบเล็กๆเป็นของของที่ระลึกบาตรที่มีการใส่ลายไทยลงไปสำหรับกรุ๊ปที่อยากซื้อไปเป็นงานโชว์ ufabet แม้กระนั้นบางบุคคลก็อยากซื้อเฉพาะบาตรที่มองเห็นรอยต่อของแผ่นเหล็กแน่ชัดเพื่อรู้ดีว่านี่เป็นบาตรจากบ้านบาตร แล้วก็เมื่อบาตรกลับมาขายได้อีกที ครั้งนี้พวกเราก็จำเป็นต้องมาขจัดปัญหาที่กำลังในการผลิต โดยการใช้งานเครื่องมือยุคใหม่อย่างเครื่องเจียรกระแสไฟฟ้า เครื่องเป่าลมกระแสไฟฟ้ามาช่วย ซึ่งผมนับว่าเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมินะ ภายหลังบ้านบาตรหยุดทำบาตรไปแทบ 30 ปี จากช่างที่เหลือเพียงแค่ 11 คนจากบ้านทำบาตรที่เหลือเพียงแต่ 1 บ้าน ปัจจุบันนี้พวกเรามีช่างรุ่นก่อน และก็เด็กรุ่นใหม่รวมแล้วโดยประมาณ 30 คน ทำกันทั้งปวง 7 บ้าน แล้วก็มีออร์เดอร์ยาวตลอดทั้งปี"


บ้านบุกับงานหัตถศิลป์หนึ่งเดียวในโลก

เมื่อการปรับตัวและก็การพัฒนาสินค้าเป็นทางเดียวที่จะทำให้ช่างโบราณสามารถอยู่รอดได้ในทุกช่วง คุณเจียม แสงสว่างสัจจา ผู้สืบสกุลรุ่นที่ 6 นับจากกรุงศรีอยุธยาที่สกุลผู้คุมเครื่องทองคำลงหินบ้านบุ ก็เลยจำเป็นต้องลุกขึ้นยืนมาเปลี่ยนรูปแบบสินค้าและก็แนวทางการผลิตขันลงหินที่ชุมชนบ้านบุขนานใหญ่ กระทั่งก้าวผ่านวิกฤตที่มาพร้อมทั้งการเปิดกิจการโรงงานปั๊มทองสัมฤทธิ์ด้วยเครื่องจักร ซึ่งมีชีวิตชีวาดังเครื่องทองหยองลงหินไม่ผิดสติไม่ดี จะไม่เหมือนกันก็ตรงที่โรงงานปั๊มทองสัมฤทธิ์นั้นรีบกำลังในการผลิตได้ในจำนวนที่มากกว่า รวมทั้งได้ผลิตภัณฑ์ที่ราคาแพงถูกกว่าเครื่องทองหยองลงหินหลายเท่าตัว


“อดีตชุมชนบ้านบุเต็มไปด้วยช่างทำเครื่องทองหยองลงหิน หรือที่เรียกขันลงหิน ตรงนี้ทำกันมากมายเป็นร้อยหลังคาเรือน ขันลงหินนี่เป็นความคิดของคนสมัยก่อนที่สืบต่อต่อกันมากมายว่าสองร้อยปีและก็มีที่เดียวในโลก แม้กระนั้นปรากฏว่าในตอนนี้เหลือแค่บ้านเดียว กงสีเดียวที่ยังคงตกทอดงานขันลงหิน เหตุผลหลักมาจากการที่โดนโรงงานทองสัมฤทธิ์ทำตลาด แต่ว่าพวกเรายังโชคดีที่คุณเจียม ผู้สืบสกุลรุ่นที่ 6เปลี่ยนแปลงความคิดที่จะล้มเลิกกิจการมาเป็นการเปลี่ยนรูปแบบสินค้าใหม่ทั้งสิ้น รวมถึงปรับแนวทางการผลิต กระทั่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขันลงหิน รวมทั้งทำให้งานช่างโบราณเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ส่งออกไปไกลถึงยุโรป"


คุณเมตตา เสลานนท์ (แสงสว่างสัจจา) ผู้สืบสกุลของคุณเจียมกล่าวขวัญถึงการปรับตัวของช่างโบราณ ซึ่งนอกเหนือจากการที่จะโดนทองสัมฤทธิ์ทำตลาด ก็ยังมีเหตุจากการที่สิ่งของหลักสำหรับเพื่อการผลิตอย่าง ทองคำล่อ เริ่มไม่มีขายจนกระทั่งทำให้ท่านเจียมจำเป็นต้องไปหารือกับคุณครูผู้ที่มีความชำนาญเพื่อแยกสารขึ้นต้นของทองคำล่อรวมทั้งเปลี่ยนเป็นสูตรใหม่ที่ช่างที่กงสีแสงสว่างสัจจาใช้มาจนกระทั่งตอนนี้


ไม่เพียงเท่านั้นคุณเจียมยังเลือกที่จะหันชนกับงานทองสัมฤทธิ์ในโรงงานอุตสาหกรรมด้วยการหลงเหลืออยู่เนื้อสีดำให้เปลี่ยนเป็นเอกลักษณ์งานทำมือที่มีเฉพาะบ้านบุเพียงแค่นั้น พร้อมด้วยเพิ่มค่าผลิตภัณฑ์ให้แพงสูงมากขึ้นไปอีกด้วยการเพิ่มกรรมวิธีการผลิตจากเดิมที่ใช้ช่างเพียงแค่ 4 คนต่อกระบวนการทำเครื่องทองหยองลงหิน 1 ชิ้น ก็เปลี่ยนมาคือการใช้ช่างถึง 7 ความเก่ง สำหรับในการประดิษฐ์จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นงานประณีตและวิจิตรบรรจงศิลปเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นในโลกที่จำต้องใช้ช่างฝีมือเยอะแยะถึงเพียงนี้


ดังนี้ช่างลำดับที่ห้าซึ่งเพิ่มเข้ามาเป็น การแต่งเนื้อให้เนียนเรียบ ต่อด้วยช่างที่หก เป็นช่างฉาบเงา ลำดับในที่สุดเป็นจิตรกรลายไทย ซึ่งน่าพิศวงตรงที่ไม่มีการร่างลายไว้ล่วงหน้า แต่ว่าช่างจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์แล้วก็ความชำนิชำนาญเดินแท่งเหล็กให้เป็นลายสุวรรณ และก็น้ำมะลิเถาวัลย์อันงอนงาม ที่ตอนนี้เหลือผู้ที่เขียนลายพวกนี้ได้เพียงแต่อย่างเดียวแค่นั้น


และก็ที่ถือได้ว่าเป็นการปรับพฤติกรรมขนานใหญ่ของบ้านบุเป็นเรื่องของวางแบบ ที่ไม่จำกัดว่าควรเป็นขัน รวมทั้งวานรองอปิ้งที่คนรุ่นก่อนนิยม เครื่องทองหยองลงหินในขณะนี้ก็เลยปรับปรุงให้เปลี่ยนเป็นของฝากและก็ข้าวของในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นจอกใบเล็ก จานชามสลัด ชุดใส่น้ำเย็น ที่เขี่ยบุหรี่ ถ้วยชามผลไม้ ฯลฯ


และก็เมื่อถามหาการถักต่องานศิลปของแผ่นดินสู่บุตรหลาน ufabet คุณเมตตาตอบว่าช่างที่กำลังปฏิบัติงานอยู่หน้าเตาไฟกลุ่มนี้เป็นรุ่นท้ายที่สุด ช่างลำดับอื่นๆยังพอที่จะผลิตขึ้นมาใหม่ได้ แต่ว่าลมหายใจของบ้านบุจะอยู่หรือไปนั้นขึ้นกับช่างตีขึ้นรูปลำดับที่ 1แค่นั้น


“เสียดายพวกเราไม่อาจจะทำตลาดให้โตกว่านี้ได้ เพราะว่าพวกเราจะต้องพึ่งคนงาน ถ้าเกิดเขาไม่มีแรงพวกเราก็จะต้องหยุด ช่างตีขึ้นรูป หรือช่างผู้ที่หนึ่งเป็นคำตอบว่าขันลงหินบ้านบุจะจบ หรือทำต่อไป"


craft4.jpg

ความเชื่อออนไลน์และยุคใหม่ของกระดาษไหว้เจ้า

จากสมัยหนึ่งที่อากง อาม่าเคยพร่ำบ่นไว้ว่า เมื่อหมดรุ่นนี้แล้ว บุตรหลานเชื้อสายจีนก็อาจจะเลิกไหว้ แต่ว่าเรื่องจริงกับตรงกันข้าม แล้วก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นความนิยมชมชอบที่มากขึ้นด้วยไป โน่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ร้านค้าขายเครื่องกระดาษสำหรับไหว้ในบริเวณรุ่งเรืองชัย “ตั้งต้มมิ้น" เลือกที่จะให้รุ่นลูกเข้ามาสืบต่อธุรกิจการค้า พร้อมด้วยปรับกลอุบายการจัดการและก็แนวทางการขายให้ล้ำสมัย


จากที่เคยอยู่เฉยๆรับเฉพาะลูกค้าเก่าบอกต่อแบบปากต่อปากในซอยรุ่งโรจน์ชัยมานานกว่า 80 ปี ตั้งต้มมิ้นก็เริ่มไปสู่โลกออนไลน์ ที่มีการใส่ไอเดียดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งลงไปครบหนทางการค้าขายในไลน์รวมทั้งเฟซบุ๊ก เพื่อจัดเตรียมรองรับกรุ๊ปลูกค้าที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนไปสู่แบบใหม่ พร้อมนั้นก็สร้างการรับทราบใหม่ให้ลูกค้าคิดถึงตั้งต้มมิ้นในทุกๆวัน ไม่จำกัดเฉพาะเทศกาลสารทจีน วันตรุษจีน หรือไหว้พระจันทร์อย่างก่อนหน้านี้


คุณวันดี ตำหนิรโสภี ผู้สืบสกุลรุ่นที่ 3 ผู้เติบโตในชุมชนทำกระดาษไหว้มาตั้งแต่เด็กชี้แจงถึงจุดเริ่มของความเคลื่อนไหวในกิจการค้าทำกระดาษไหว้ ว่ามีเหตุที่เกิดจากการไม่สามารถที่จะควบคุมประสิทธิภาพงานกระดาษที่จะต้องใช้แรงงานคนและก็วิธีการทำมือในทุกขั้นตอนได้ โอกาสท้ายที่สุดที่จะรักษาประสิทธิภาพความงดงามก็เลยจำต้องหันไปพึ่งกระดาษที่ผลิตตามมาตรฐานเดียวกันทุกแผ่นจากโรงงาน แล้วหลังจากนั้นแล้วก็ค่อยนำกลับมาพับและก็จัดเข้าชุดเข้ารอยด้วยตัวเอง ซึ่งโน่นเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุไรอาชีพช่างพับกระดาษที่บริเวณก้าวหน้าชัยก็เลยยังคงอยู่ แม้ว่าจะมีโรงงานทำกระดาษเกิดมาก็ตาม


“คนในตอนนี้กล้าซื้อกันเยอะขึ้น คนโบราณจะซื้อแบบถูกๆแม้กระนั้นคนสมัยปัจจุบันเขาจะย้ำไหว้ด้วยของดีๆงามๆจากที่เคยมีความคิดว่ารุ่นลูกจะเลิกไหว้ ก็แปลงเป็นเครื่องบวงสรวงขายดิบขายดีขึ้น แต่ว่าทางพวกเราเองก็จำต้องปรับนิสัยให้กับลูกค้าใหม่ๆให้เพิ่มมากขึ้นด้วย อย่างเช่น ธูปก็ควรมีกลิ่นหอมสดชื่น ในกรุ๊ปที่เขารักสุขภาพเขาก็อยากธูปไม่มีควัน ขี้ธูปน้อย หรืออย่างบางบุคคลดำเนินการนอกบ้านมีเวลาไหว้น้อย พวกเราก็แปลงจากธูปก้านยาวแบบเก่ามาเป็นธูปก้านสั้นให้เขาออกไปปฏิบัติงานทัน ที่สำคัญทุกๆสิ่งทุกๆอย่างจำเป็นต้องสำเร็จรูป ด้วยเหตุว่าคนในตอนนี้ไม่ว่าง จะให้เขามาซื้อกระดาษไปนั่งพับเองแบบรุ่นอากง อาม่าไม่มีแล้ว พวกเราก็จำต้องทำให้เขาพร้อมสรรพพร้อมนำกลับไปไหว้ได้เลย"


นอกเหนือจากการดีไซน์สินค้าให้กับไลฟ์สไตล์ลูกค้ากรุ๊ปใหม่แล้ว การให้คำปรึกษาและก็การส่งต่อเรื่องราวของความเชื่อถือที่พร้อมจะหายไปกับเวลาก็เป็นอีกสิ่งที่จะจำเป็นมาก โน่นก็เลยเป็นต้นเหตุของการเบาๆปล่อยข่าวสารให้กระจัดกระจายออกไปในโลกออนไลน์ เพื่อย้ำเตือนให้ลูกค้าแบบใหม่ๆได้ทราบว่า วันพรุ่งเป็นวันดี วันพรุ่งควรจะไหว้อะไร อีกกี่วันกำลังจะถึงวันเกิดเจ้า แล้วก็เพื่อทันใจ ทันตามเวลา การส่งของแบบเดลิเวอปรี่ให้กับลูกค้ากรุ๊ปออนไลน์ก็เลยเป็นอีกบริการที่ตามมา


“เรื่องอินเทอร์เน็ตนี่ชูให้เป็นหน้าที่บุตรสาวที่เข้ามาช่วย เพียงพอเขาเข้ามา ร้านค้าก็เริ่มมีการปรับหลายสิ่งหลายอย่าง อีกทั้งหัวข้อการสต็อกของ การสั่งสินค้าที่เป็นความอยากได้ของตลาด กระบวนการทำบัญชี เมื่อวันตรุษจีนก่อนหน้านี้ พวกเราก็เริ่มมีการทำไลน์ กับเฟซบุ๊ก เบาๆปลดปล่อยข้อมูล ถ่ายภาพลงไปด้วยให้สวยสดงดงามๆให้ลูกค้าได้มองเห็นแบบอย่าง ufabet ไม่ต้องคอยให้ถึงวันสารท ไม่ต้องมาถึงที่ร้านค้าก็ซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเราได้ในทันที ซึ่งเป็นการปรับเพื่อรองรับลูกค้ากรุ๊ปใหม่ๆที่วางใจพวกเราวางใจพวกเรามาตั้งแต่รุ่นอากง อาม่า"