education1.png
UFABET PRESENT : หลุดกรอบรายได้ปานกลางของโลกยุคใหม่ด้วยระบบการศึกษา

การเล่าเรียนนั้นมีเป้าหมายหลายประการร่วมกัน ตั้งแต่การปลูกฝังบ่มเพาะ การผลิตความอิสระทางความนึกคิด แล้วก็การเตรียมความพร้อมให้เด็กซึ่งดำเนินชีวิตจำนวนมากอยู่ภายในเขตพื้นที่ส่วนตัวหรือครอบครัวให้มีความพร้อมเพรียงที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ก้าวออกมาสู่พื้นที่สาธารณะ อื่นๆอีกมากมาย ช่วงเวลาที่โลกในตอนนี้ เยาวชนได้เปลี่ยนมาเป็นอันมากสำคัญของระบบเศรษฐกิจรวมทั้งสังคม หน้าที่ที่สำคัญอย่างมากด้านหนึ่งของการเล่าเรียนก็เลยหนีไม่พ้นหน้าที่สำหรับในการเตรียมพร้อมให้มนุษย์สามารถเลี้ยงชีพได้สุดกำลัง


การเชื่อมต่อการเรียนกับการดำรงชีพ ทำให้การเรียนรู้เกี่ยวเนื่องอย่างถ่องแท้กับความก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจอีกทั้งในระยะสั้นแล้วก็ระยะยาว ข้อแรกเนื่องจาก โรงเรียนนั้นผลิต“ทุนมนุษย์" ให้แก่แรงงานที่จะเข้าไปดำเนินงานในระบบเศรษฐกิจ ข้อสองเป็น การสร้างสิ่งใหม่รวมทั้งเทคโนโลยีผ่านวิธีการทำวิจัยและพัฒนา


ความสัมพันธ์ระหว่างการศึกษากับการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ

ทุนมนุษย์ รวมทั้ง เทคโนโลยี นั้นเป็นสองสิ่งที่ควรมีประกอบกัน เพราะว่า เทคโนโลยีเป็นข้อแม้พื้นฐาน ส่วนทรัพยากรมนุษย์ที่มีทุนมนุษย์สูง (วิชาความรู้สูง) เป็นข้อตกลงจำเป็นต้อง ที่จะเพิ่มราคาของเทคโนโลยีได้สูงสุด ปัญหาก็คือ ทุนมนุษย์ดังที่กล่าวถึงมาแล้วสร้างได้ยังไง คำตอบอาทิเช่น “การเรียนรู้ในสถานที่เรียน" และก็ “การเรียนจากการลงมือกระทำจริง" (Learning by Doing) หรือถ้าหากจะกล่าวให้คล้องจองกันก็คือ “การเรียนรู้ในโรงงาน" นั่นเอง


เดี๋ยวนี้เมืองไทยหรูหราทุนมนุษย์มากมายน้อยเท่าใดนั้นบางครั้งอาจจะวัดได้ยาก ในที่นี้ก็เลยขอชูดรรชนีเพียงแค่บางตัว เพื่อมาเป็นตัวอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ดรรชนีที่สะท้อนความรู้ความเข้าใจการสร้างของแรงงาน (Labor Productivity) ของเมืองไทยเทียบเป็นจำนวนร้อยละกับประเทศพัฒนาแล้ว (OECD Countries) จะพบว่า ในภาคอุตสาหกรรมไทย แรงงานของพวกเราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้เพียงแค่ไม่เกินจำนวนร้อยละ 16 ของOECD แค่นั้น

education3.jpg

จากเรื่องจริงนี้ บางทีอาจแปลความได้ว่าตลอดกว่า 20 ปีให้หลัง เมืองไทยปรับปรุงเยอะขึ้นด้วยความเร็วระดับหนึ่ง (มิได้อยู่กับที่) แต่ความเร็วดังที่กล่าวถึงแล้วยังเร็วไม่เพียงพอที่จะไล่ประเทศพัฒนาแล้วได้ทัน ระยะห่างของไทยแล้วก็ประเทศพัฒนาแล้วยังคงที่ไม่ใกล้เยอะขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งบางคราวพวกเราก็เลยเรียกเหตุการณ์แบบนี้ว่า “กับรายได้ปานกลาง" ปริศนาก็คือ เพราะเหตุใดพวกเราก็เลยติดกับดัก แล้วก็คำตอบบางทีอาจจะอยู่ที่การเรียนรู้ซึ่งมิได้ตอบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมากมายพอเพียง


งานศึกษาเล่าเรียนของ Kanchoochat (2014) ได้เก็บการค้นคว้าวิจัยที่เรียนรู้เรื่องกับรายได้ปานกลางและก็สรุปว่า มาตรการสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้ประเทศหลุดจากกับนี้ได้ เป็นต้นว่า แนวทางการทำให้การเรียนรู้มีลักษณะที่สมควร ufabet ซึ่งก็คือไม่ใช่แค่เรียนสูงแม้กระนั้นจะต้องเรียนอย่างมีคุณภาพด้วย รวมทั้งควรจะตอบปัญหา รวมทั้งนำปัญหาให้แก่ภาคเศรษฐกิจที่จริงจริงได้ด้วย


ในขณะนี้เมืองไทยได้ก้าวเข้าสู่ “บริบทใหม่" ในฐานะหนึ่งในสมาชิกชุมชนเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ก็เลยเอามาสู่ปริศนาสำคัญว่า การค้นคว้าที่ดีในสถานศึกษารวมทั้งในโรงงานกำลังถูกท้าเช่นไร และก็พวกเราจะจัดการกับมันได้อย่างไรบ้าง

education4.png


การศึกษาไทยและความท้าทายในบริบท AEC
ความท้าทายที่ 1: การเชื่อมโยงการศึกษาเข้ากับภาคเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค

ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า มาตรการเชื่อมโยงการศึกษาเล่าเรียนกับภาคการสร้างนั้นเป็นหัวใจหลักอย่างหนึ่ง ที่จะพาประเทศหลุดจากกับรายได้ปานกลาง เมืองไทยเองก็เข้าใจในเรื่องจุดสำคัญข้อนี้ดี ด้วยเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่ในภาคการศึกษา ก็เลยมักถูกถามเสมอเวลาตั้งตัวสูตรใหม่ๆว่า ตอบปัญหาด้านเศรษฐกิจไหม เด็กจบไปจะมีงานหรือไม่หรือแม้กระทั้งงานค้นคว้าวิจัยในระยะสิบปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ก็จำต้องมุ่งเป้าปรับปรุงภาคเศรษฐกิจที่รัฐบาลระบุมาเป็นหลัก


แต่ว่าสิ่งที่ดูได้ก็คือ กระบวนทัศน์สำหรับเพื่อการเชื่อมโยงการเล่าเรียนกับภาคเอกชน ในขณะนี้ยังมักที่จะมุ่งมองดูถึงตลาดภายในประเทศ (Domestic Market) มากยิ่งกว่าที่จะมองดูไปสู่ระดับภูมิภาคหรือระดับประเทศ รวมทั้งโน่นก็ทำให้ระดับวิชาความรู้รวมทั้งเทคโนโลยีที่มหาวิทยาลัยผลิต ผูกติดอยู่ที่ประสิทธิภาพราวปริมาณร้อยละ 16 ของประเทศพัฒนาแล้วเพียงแค่นั้น การจะหลุดจากกับนี้ได้พวกเราก็เลยจำต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ไปสู่ความร่วมแรงร่วมมือระดับภูมิภาคเยอะขึ้นเรื่อยๆ


ได้แก่ เป็นได้หรือเปล่าที่มหาวิทยาลัยจะร่วมทำศึกษาค้นคว้าเพื่อตอบปัญหาให้แก่กรุ๊ปทุนเอกชนของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะก่อให้การไล่ตามทางวิชาความรู้ทำเป็นเร็วเพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน เป็นได้ไหมที่เอกชนไทยจะว่าจ้างมหาวิทยาลัยในประเทศปรับปรุงแล้วทำศึกษาค้นคว้า นอกเหนือจากนั้น มหาวิทยาลัยในประเทศและก็ต่างถิ่น รวมทั้งเอกชนไทยและก็ต่างถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน AEC ยังบางทีก็อาจจะสร้างความร่วมแรงร่วมมือ เป็นผู้สนับสนุนด้านวิชาการและก็ธุรกิจได้ด้วย

education5.png

ความท้าทายที่ 2: จากสงครามสมองไหล สู่การแบ่งปันภูมิปัญญาระหว่างประเทศ

ในบริบทของ AEC ข้อแนะนำที่สำคัญอย่างหนึ่งเป็นการส่งเสริมให้มีการโยกย้ายแรงงานวิชาชีพประกอบไปด้วยหมอ พยาบาล หมอฟัน คนเขียนแบบ วิศวกร นักบัญชีนักตรวจ แล้วก็กลุ่มอาชีพด้านการท่องเที่ยว ถึงรายงานปัจจุบันจะแสดงว่า การเปลี่ยนที่แรงงานผ่านกรอบความร่วมแรงร่วมมือ AEC ในอาชีพกลุ่มนี้ยังไม่สูงมากสักเท่าไรนัก แม้กระนั้นมันก็ได้ให้เค้าเงื่อนถึงจุดสำคัญของหัวข้อการย้ายที่แรงงานในระดับภูมิภาค


เพราะเหตุใดเรื่องนี้ถึงสำคัญ มูลเหตุเนื่องจากตอนนี้ กำเนิดปัญหาขาดแรงงานคนเก่ง(Talent) ทั้งโลก โดยในประเทศปรับปรุงแล้ว ปัญหากลุ่มนี้คงจะมีสาเหตุจากภาวการณ์สังคมสูงอายุ (Aging Society) เป็นหลัก ทำให้ขาดแรงงานแบบใหม่ ตรงข้ามสำหรับประเทศด้อยพัฒนา ปัญหาก็คือการขยายตัวของการศึกษาเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ทำเป็นช้ากว่าการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ ผลเป็นประเทศพวกนี้จะขาดคนเก่งที่จะรองรับเศรษฐกิจระดับเทคโนโลยีที่สูงขึ้น


แบบอย่างที่กระจ่างแจ้งยกตัวอย่างเช่น งานศึกษาเล่าเรียนของ VanNoorden (2012)ซึ่งได้ตรวจสอบนักค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์แล้วก็เทคโนโลยีกว่า 17,000 คนภายใน 16ประเทศแล้วก็พบว่า กว่าปริมาณร้อยละ 57 ของนักค้นคว้าในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นชาวต่างประเทศ นอกจากนั้น แคนาดาและก็ประเทศออสเตรเลีย ก็เป็นอีกสองประเทศที่มีการว่าจ้างนักค้นคว้าต่างประเทศมากยิ่งกว่านักค้นคว้าเขตแดน (เนื่องจากว่าคนเก่งในเขตแดนมีน้อยเกินไป) ในขณะประเทศอินเดียจะต้องสูญเสียนักค้นคว้าเก่งๆไปในต่างถิ่นเยอะๆถึงกว่าปริมาณร้อยละ 40 ฯลฯ


เมื่อคนเก่งขาด การรบก็เลยกำเนิด ประเทศต่างๆได้เริ่มโครงงานที่จะล่อใจคนเก่งไปดำเนินการให้กับประเทศตัวเองอย่างขมีขมัน เช่น มาเลเซียได้ตั้งขึ้น TalentCorp ขึ้นเพื่อล่อใจคนเก่งสถานที่ทำงานในต่างแดนให้กลับไปดำเนินงานในประเทศของตัวเองประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจอย่างจีนก็เช่นเดียวกัน ที่ได้เริ่มแผนการ 1,000 Talent Plan ขึ้นโดยให้สิทธิคุณประโยชน์แก่คนเก่งที่เป็นจุดหมาย เช่น เงิน 1 ล้านหยวนและก็งานที่ดี ซึ่งสิทธิพวกนี้คิดถึงสามีภรรยาและก็ลูกด้วย


โครงงานทำนองเดียวกันนี้ยังปรากฏในประเทศสิงคโปร์ (Agency for Science, Technology and Research: A*STAR) รวมทั้งเมืองไทย (Talent Mobility Program and Clearing House) แต่ว่าการดึงดูดคนเก่งระหว่างกันนี้ แม้ไม่ระวัง ก็บางทีก็อาจจะเอามาสู่การขัดกันด้านเศรษฐกิจมากยิ่งกว่าความร่วมแรงร่วมมือ รวมทั้งอาจทำให้การรวมแบบอย่างเหนียวแน่นใน AEC เหนื่อยยากเพิ่มมากขึ้นเพียงแค่นั้น


แล้วพวกเราจะจัดการปัญหานี้ได้เช่นไร ข้อแนะนำหนึ่งที่เป็นได้ก็คือ การช่วยสนับสนุนให้คนเก่งเคลื่อนในภูมิภาค AEC แบบสั้นๆมากยิ่งกว่าจะเป็นไปแบบถาวร การเคลื่อนไหวแบบนี้จะเกิดผลดีต่อประเทศคนรับคนเก่ง และก็ประเทศที่ส่งออกคนเก่งพวกนั้นไปดำเนินการ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคนเก่งดังกล่าวข้างต้นไปดำเนินงานในประเทศที่มีเทคโนโลยีสูง ก็จะได้รับการถ่ายทอดความถนัดรวมทั้งเทคโนโลยีมาด้วย เมื่อกลับประเทศของตัวเอง ก็จะก่อให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีกลับไป


โดยเหตุนี้ การที่ยินยอมให้คนเก่งไปดำเนินงานที่ประเทศอื่นก็เลยไม่ใช่สมองไหล(Brain Drain) แม้กระนั้นเป็นการส่งไปศึกษา (Brain Gain) การหมุนเวียนของมันสมองกลุ่มนี้ (Brain Circulation) ทำให้ประเทศต่างๆสามารถแบ่งปันคุณประโยชน์จากความคิดของคนเก่งในภูมิภาคได้อย่างมากโดยไม่มีความไม่ถูกกัน แต่ทว่าการจะมีผลให้กำเนิดการเกิดแบบนี้ได้นั้น ufabet การเล่าเรียนมีความสำคัญอย่างมากที่จะจะต้องเตรียมพร้อมให้แก่นักเรียน ในทางของภาษาและก็ความยืดหยุ่นปรับนิสัยด้านวัฒนธรรม

education7.jpg

ความท้าทายที่ 3: การปรับตัวเพื่อรับมือกับการไหลเวียนของ “ทุนหุ่นยนต์"

โลกกำลังไปสู่สมัยที่ทุนคอมพิวเตอร์ (Computer Capital) อันตัวอย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ หรือหุ่นยนต์ต่างๆสามารถชดเชย “แรงงานความสามารถ" ได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง งานศึกษาเล่าเรียนของ Frey & Osborne (2013) ประเมินว่า แรงงานกว่าจำนวนร้อยละ 43 ของพลังงานทั้งหมดทั้งปวงในอเมริกามีการเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ในอีก 20 ปีด้านหน้า


ความน่าวิตกนี้เข้มข้นขึ้นไม่น้อยเมื่อปัญญาประดิษฐ์ AlphaGo ได้รับชัยเหนือ Lee Sedol ในเกมดวลโกะไปถึง 4-1 ในมี.ค.ก่อนหน้านี้ โดยเหตุนั้น ภาคการศึกษาก็เลยจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเองให้ทัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้เรียนนิสิตในทศวรรษต่อไปจากนี้ต้องทราบภาษาลำดับที่สาม อย่างเช่น ภาษาคอมพิวเตอร์ แน่ๆว่า หุ่นยนต์พวกนี้บางทีก็อาจจะยังคืบคลานมาสู่ประเทศด้อยพัฒนาที่ค่าตอบแทนแรงงานต่ำได้ไม่เร็วนัก แม้กระนั้นจะมาถึงอย่างแน่แท้


มหาวิทยาลัยยังบางทีอาจจะจะต้องนึกถึงการเรียนรู้แล้วก็งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเพื่อแก้ไขความแตกต่างด้านสังคม ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสาเหตุจากความสามารถสำหรับเพื่อการใช้เทคโนโลยี (Technological Capability) ที่ไม่เหมือนกันเป็นอย่างมากระหว่างแรงงาน ส่วนภาคเอกชนก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจที่จะไล่ตามเทคโนโลยีกลุ่มนี้ให้ทัน เพื่อจะใช้ประโยชน์จากของใหม่ใหม่ๆในอนาคต

education8.jpg

ความท้าทายที่ 4: เอกชนไทย ต้องเรียนรู้ด้วยแต้มต่อที่น้อยลง

ตามที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นว่า การเรียนในความหมายอย่างกว้างนั้นมิได้จบลงเมื่อสำเร็จการศึกษาจาก “สถานที่เรียน" แค่นั้น แม้กระนั้นการศึกษาเล่าเรียนยังอยู่ในโรงงาน (หรือที่ทำงานอื่นๆ) ผ่านการเรียนของทั้งยังผู้ลงทุนรวมทั้งผู้รับจ้างอีกด้วย โดยนักลงทุนจำต้องทำความเข้าใจที่จะปรับใช้เทคโนโลยีอย่างมีคุณภาพ ในตอนที่ผู้รับจ้างก็ต้องศึกษาที่จะปฏิบัติงานร่วมกับเทคโนโลยีพวกนั้น ufabet เพื่อแปลงให้เปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ การศึกษาในโรงงานนี้จะมีผลเป็นอย่างมากต่อมูลค่าเพิ่มของสินค้า


ในสมัยก่อน รัฐบาลของประเทศด้อยพัฒนา ซึ่งเพียรพยายามไล่ตามประเทศพัฒนาแล้วอย่างประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศเกาหลีใต้ มักใช้มาตรการเกื้อหนุนในแบบต่างๆเช่น การตั้งกำแพงภาษี การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน หรือการอุดหนุนสิทธิประโยชน์ให้แก่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อกรุ๊ปอุตสาหกรรมกำเนิดใหม่สามารถทำความเข้าใจ สะสมทุน รวมทั้งขยายธุรกิจ จนถึงแข็งแกร่งพอเพียงที่จะประมือกับประเทศพัฒนาแล้ว ต่อจากนั้นแล้วก็ค่อยๆบรรเทามาตรการให้มีการค้าเสรีไปเป็นลำดับ


แต่ทว่าในบริบทที่การค้าเสรีถูกทำให้แปลงเป็นมาตรฐานของโลก การที่เมืองไทยได้เข้ามาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของเออีซีแล้วในวันนี้ ไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ก็ตาม มาตรการแทรกแซงเพื่ออุดหนุนเอกชนภายในประเทศ รวมทั้งมาตรการกำแพงภาษีก็เลยกำลังเผชิญความจำกัดอย่างที่สุด ทำให้เอกชนไทยไม่มีแต้มต่ออีกต่อไป เอกชนไทยก็เลยจำต้องทำความเข้าใจ “ด้วยตัวเอง" ให้หนักขึ้น ยากลำเค็ญเยอะขึ้น แต่ว่าโน่นก็เป็นวิถีทางสายบังคับที่เอกชนไทยจำเป็นต้องต่อสู้ไปให้ได้


การเข้ามาเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของเออีซี นำมาซึ่งการทำให้พวกเราจะต้องตระหนักถึงภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปในหลายๆด้าน เช่น การเชื่อมต่อของการเรียนรวมทั้งเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค การเคลื่อนไหวของแรงงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเก่ง การไหลเวียนของทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุนคอมพิวเตอร์รวมทั้งเทคโนโลยี ไปจนกระทั่งการไหลเวียนของผลิตภัณฑ์ หรือการน้อยลงของกำแพงรวมทั้งมาตรการอุดหนุนภายในประเทศ


ความท้ากลุ่มนี้กำลังส่งสัญญาณไปในทางเดียวกันว่า การเรียนรู้ในสถานศึกษาและก็ในโรงงานของเมืองไทย จำเป็นต้องปรับพฤติกรรมขนานใหญ่เพื่อต่อกรกับอนาคตที่มาถึงแล้ว ถ้าเกิดเมืองไทยสามารถปรับกระบวนทัศน์ของการเล่าเรียนได้ทัน การหลุดจากกับรายได้ปานกลาง และก็ความร่ำรวยของชาติก็คงตามมา ในทางตรงกันข้าม ถ้าเกิดการเรียนรู้ยังไม่ปรับพฤติกรรม ufabet และก็ทุนหรือแรงงานไม่อาจจะศึกษาได้เร็วเพียงพอ พวกเราก็คงจะถูกกลบกลืนหายไปในกระแสการพัฒนาที่ไหลแรงของโลกใบนี้สุดท้าย